“สติกเกอร์” ตัวช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าที่ได้ผลดีกว่าที่คิด!
ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าในแวดวงธุรกิจปัจจุบัน ทุกวินาทีถือเป็นเรื่องของ "การแข่งขัน" ที่ไม่สิ้นสุด ทำให้ผู้ประกอบการต้องคอยมองหาวิธีที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของตนโดดเด่นและแตกต่างจากคู่แข่งอยู่เสมอ
ซึ่ง "สติกเกอร์" ก็เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยได้จริง และในบทความนี้เราจะมาบอกต่อวิธีใช้ประโยชน์จากสติกเกอร์ และการออกแบบที่ช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้าให้ผู้บริโภคจับต้องได้มากที่สุดกัน
"สติกเกอร์" เครื่องมือช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้า
การเลือกประเภทของสติกเกอร์นั้น มีผลเป็นอย่างมากต่อการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้า เพราะแต่ละแบบก็ถูกออกแบบให้มีคุณสมบัติการใช้งานที่แตกต่างกัน ทั้งด้านของวัสดุ ความทนทาน และการติดแน่นของกาว ซึ่งถ้าจะเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน สิ่งแรกที่ควรรู้ก็คือรายละเอียดประเภทต่าง ๆ ของสติกเกอร์ ดังนี้
-
สติกเกอร์กระดาษ (Paper Sticker) ถือเป็นประเภทที่ยืนพื้นสำหรับสติกเกอร์ฉลากสินค้า เหมาะสำหรับผู้ประกอบการขนาดเล็กที่ต้องการประหยัดต้นทุน สั่งผลิตสติกเกอร์เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าในราคาประหยัด
-
สติกเกอร์พีวีซี (PVC Sticker) นิยมใช้เป็นฉลากผลิตภัณฑ์สินค้าและของใช้ในครัวเรือน ประเภทน้ำยาทำความสะอาด เครื่องใช้ไฟฟ้า แก้วน้ำ รวมไปถึงการใช้เป็นสื่อประชาสัมพันธ์ OOH (Out of Home Media) ที่ต้องทนแดดและฝน ทำให้สติกเกอร์ประเภทนี้มีราคาแรงกว่าประเภททั่วไปนั่นเอง
-
สติกเกอร์พีพี (PP Sticker) ตัวเลือกยอดนิยมตลอดกาล สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความคงทนให้กับฉลากสินค้า ไม่หลุด ไม่ลอก กันน้ำแบบ 100% สามารถใช้ได้อย่างอเนกประสงค์ ช่วยในการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ทั้งด้านราคาและความน่าเชื่อถือ
แนวทางการใช้สติกเกอร์เพิ่มมูลค่าสินค้า
1. สร้างแบรนด์ให้เป็นที่จดจำ ผ่านการออกแบบสติกเกอร์ด้วย Corporate Identity (CI) ทั้งสี โลโก้ และชื่อบริษัท ตอกย้ำการรับรู้ของลูกค้า และสร้างความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างจุดยืนให้กับแบรนด์ในตลาดที่มีคู่แข่งธุรกิจประเภทเดียวกัน
2. ใช้แนะนำข้อมูลผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นคำแนะนำการใช้งาน คำเตือน หรือส่วนผสม ซึ่งแนวทางการใช้สติกเกอร์ประเภทนี้ ไม่เพียงแต่จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ลูกค้าใช้งานได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพอีกด้วย
3. เป็นส่วนหนึ่งของการดีไซน์บรรจุภัณฑ์ โดยนำมาเป็นหนึ่งในองค์ประกอบเพื่อการตกแต่ง เช่น การสร้างลวดลายด้วยสติกเกอร์ PVC ที่ยืดหยุ่น สามารถติดได้แบบไร้รอยพับ, การติดฉลากสินค้าด้วยสติกเกอร์ PP เคลือบเงา รวมไปถึงการติดสติกเกอร์โฮโลแกรมกันปลอมที่เล่นแสง สะท้อนสีรุ้งให้ภาพรวมสินค้าดูหรูหรามากยิ่งขึ้น เป็นต้น
4. เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งานให้สินค้า เช่น พื้นผิวจากวัสดุที่ช่วยเพิ่มการยึดเกาะ กันผลิตภัณฑ์ลื่นหลุดออกจากมือ เป็นต้น ซึ่งแนวทางการใช้สติกเกอร์ประเภทนี้ จะช่วยทำให้ลูกค้ารู้สึกไว้วางใจในการใช้งาน พร้อมเพิ่มมูลค่าได้ไปในตัว
ประโยชน์ของการใช้สติกเกอร์บนสินค้า
- สร้างแบรนด์ให้น่าจดจำ ด้วยการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ผ่านฉลากสินค้าที่พบเจอได้บ่อย ๆ ส่งผลให้ผู้บริโภคค่อย ๆ รู้สึกถึงความผูกพันที่เกิดขึ้นกับแบรนด์
- เพิ่มความน่าดึงดูดให้สินค้า ด้วยการปรับแต่งเพื่อสร้างเอกลักษณ์ ทั้งข้อความ ขนาด รูปร่าง สี และการออกแบบที่นำเสนอตัวตนของแบรนด์อย่างตรงไปตรงมา
- สร้างโอกาสให้ลูกค้ามีส่วนร่วม นอกเหนือจากการนำไปเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์แล้ว ยังสามารถนำไปใช้เป็นเครื่องมือทำแคมเปญการตลาดออฟไลน์ ด้วยการบอกต่อโปรโมชันหรือกิจกรรมให้ลูกค้าสามารถตอบโต้ได้ ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยสร้างความสัมพันธ์ ต่อยอดสู่ฐานลูกค้าที่มั่นคง
- ประหยัดงบประมาณด้านการตลาด สามารถสร้างแบรนด์ ไปพร้อม ๆ กับการโปรโมตที่เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมายได้อย่างง่ายดาย และจ่ายได้ในราคาที่ประหยัด
เคล็ดลับการเลือกวัสดุสติกเกอร์และเทคนิคการพิมพ์ที่เหมาะสม
-
เลือกวัสดุที่ทนทาน ตอบสนองต่อวัตถุประสงค์ในการใช้งาน เช่น ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ต้องการคุณสมบัติสติกเกอร์ที่กันน้ำได้ดี สติกเกอร์ PVC ก็คือคำตอบ!
-
ยึดเกาะพื้นผิวได้ดี พิจารณาสติกเกอร์ที่มีความเหนียวแน่น สามารถติดทนอยู่บนพื้นผิวของสินค้าได้ดี
- เลือกงานพิมพ์คุณภาพสูง ให้สีและตัวอักษรที่คมชัด ไม่ผิดเพี้ยนไปจากไฟล์ต้นฉบับ ซึ่งระบบการพิมพ์ดิจิทัลก็ถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดี ทั้งในแง่ของคุณภาพ และการควบคุมต้นทุน และปริมาณงานพิมพ์
สำหรับผู้ประกอบการท่านใดที่ต้องการปรับกลยุทธ์ทางการตลาด เพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ด้วยสติกเกอร์คุณภาพสูง อย่าลืมนึกถึง Hellosticker Thailand ร้านสติกเกอร์ระดับมืออาชีพ หนึ่งในเครือบริการด้านสิ่งพิมพ์ของ Gogoprint Thailand พร้อมจัดส่งฟรี! ในเรตราคาการพิมพ์ที่เป็นมิตร การันตีคุณภาพทุกแผ่น สนใจสอบถามเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ Email: [email protected] หรือโทร. 02-026-3147